‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ แนะนำวิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสำหรับคนรักการทำสีผม

‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ

แนะนำวิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสำหรับคนรักการทำสีผม

“การทำสีผม” อีกหนึ่งแฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ช่วยให้เราดูโดดเด่นได้อย่างที่ต้องการ แต่เส้นผมที่ผ่านการทำสีมานั้น หากไม่ได้รับการบำรุงอย่างถูกต้องมักจะพบปัญหาต่างๆ เช่น สีซีดจางหรือสีหลุดไว ผมแห้งเสีย แตกปลาย หยาบกระด้าง ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก ขาดและหลุดร่วงได้ง่าย รวมถึงการทำสีผมยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะ ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ แพทย์หญิงรมิดา เกษมสมพร แนะนำ “วิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสำหรับคนรักการทำสีผม” ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ อาทิ Eden Breeze Colour Treated Hair Shampoo, Eden Breeze Colour Treated Hair Conditioner, Advance Protective Hair Serum และ Reviving Scalp Tonic พร้อมเชิญเหล่าเซเลบริตี้สาวผู้รักการทำสีผมมาร่วมเผยวิธีการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลังการทำสี อาทิ คุณรัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา, คุณพริมา เสนาขันธ์ และ คุณอาทิมา หิมะทองคำ

แพทย์หญิงรมิดา เกษมสมพร แนะนำวิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสำหรับคนรักการทำสีผมว่า “การทำสีผมหรือฟอกสีผมเป็นการทำลายเกล็ดผมชั้นนอกสุด เพื่อให้สารเคมีเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่อยู่แกนกลางของเส้นผม ทำให้โปรตีนในเส้นผมถูกทำลาย ส่งผลให้เส้นผมสูญเสียความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น ผมจึงแห้งเสีย ขาดความยืดหยุ่น และเปราะบาง สังเกตได้ว่าหลังการทำสี เส้นผมจะหยาบกระด้าง แตกปลาย ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก และขาดง่าย

นอกจากนี้การทำสีผมยังส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะทำให้เกิดอาการแสบคันที่เกิดจากสารเคมี กัดกร่อนหนังศีรษะ เกิดการแพ้ ผื่นแดง บางรายอาจมีอาการหนังศีรษะลอก เป็นรังแค หนังศีรษะมีความมันมากกว่าปกติ เนื่องจากต่อมไขมันสร้างน้ำมันมาเพื่อเคลือบหนังศีรษะมากเกินไป

ในน้ำยาเปลี่ยนสีผมจะประกอบด้วยสารเคมีสำหรับกัดสี และย้อมสีผมประกอบด้วยสาร ‘ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์’ (Hydrogen Peroxide), ‘พีพีดี’ (PPD; Para-Phenylene Diamine) และแอมโมเนีย (Ammonia) โดยสารเคมีเหล่านี้จะไปขจัดเม็ดสีตามธรรมชาติหรือ ‘เมลานิน’ (Melanin) ทำให้เส้นผมมีสีที่อ่อนลง และทำให้สีใหม่ติดเส้นผมได้ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกันสารเคมีเหล่านี้ก็ส่งผลโดยตรงต่อเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเช่นกันดังที่กล่าวมาข้างต้น น้ำยาเปลี่ยนสีผมสามารถแบ่งป็น 3 ประเภท คือ

  • แบบชั่วคราว (Temporary hair dyes) ทำให้สีติดชั่วคราว ไม่คงทน สามารถล้างสีออกได้ด้วยการสระผมด้วยแชมพูเพียง 1-2 ครั้ง น้ำยาเปลี่ยนสีผมชนิดนี้จะใช้สีที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ โดยเม็ดสีจะติดอยู่บนผิวของเส้นผมเท่านั้น ไม่ซึมเข้าไปชั้นในของ Cortex เส้นผม เช่น คัลเลอร์ รินส์ (Color rinse), ดินสอทาสีผม (Hair crayons) และสีพ่นเส้นผม (Color sprays) เป็นต้น

  • แบบกึ่งถาวร (Semi-permanent hair dyes) มีส่วนประกอบของสีที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถซึมลึกเข้าติดถึงชั้น Cortex ของเส้นผม โดยเกาะจับกับ Keratin ในเส้นผมได้ สามารถปิดหงอกได้ไม่เกิน 30% และสีจะมีความคงทนได้นาน 3 – 5 สัปดาห์ เช่น แชมพูย้อมสีผม, โลชั่น และโฟมย้อมสีผม เป็นต้น

  • แบบถาวร (Permanent hair dyes) สีประเภทนี้จะติดผมในเส้นผมค่อนข้างคงทนนานหลายเดือน สามารถปกปิดผมขาวได้ รวมถึงสามารถย้อมสีใหม่ได้ เม็ดสีมีความคงทนต่อการสระโดยไม่ทำให้สีลอก แต่ก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมมากกว่าประเภทอื่นๆ ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ไม่ควรมีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้มข้นเกินกว่า 6% และต้องทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง

ส่วนวิธีการดูแลสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมทำสีสามารถทำได้ดังนี้

  • ควรเตรียมผมให้พร้อมก่อนการทำสี ด้วยการทำแฮร์ทรีตเมนต์ อบไอน้ำ ร่วมกับหมักครีมบำรุงผมหรือแฮร์มาส์ก ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำสีผม หากเส้นผมเรามีสุขภาพดี แข็งแรง เมื่อเราไปทำสีผม สีก็จะติดง่าย และติดทนนาน

  • หากเพิ่งทำสีใหม่ๆ ควรงดสระผมหลังการทำสีผม 72 ชม. เพื่อให้เวลาเกล็ดผมปิดและลดการชะล้างเม็ดสีที่ย้อม หลังจากนั้นให้สระผมด้วยแชมพูและครีมนวดสูตรสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมสีซีดจางหรือสีหลุดไว และเป็นการช่วยให้สีผมเปล่งประกายคงทน พร้อมยังช่วยสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ผมเสียถึงแกนผมชั้นในอีกด้วย

  • เน้นการบำรุงผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ เพราะการทำสีผมส่งผลให้เส้นผมและหนังศีรษะเกิดความอ่อนแอ เนื่องจากสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของสีย้อม ดังนั้นขั้นตอนการบำรุงและฟื้นฟูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะโดยการทำทำทรีตเม้นต์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสิ่งสำคัญ อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะ (Scalp Tonic) หลังการสระผมทุกครั้ง เพื่อเป็นฟื้นบำรุงสภาพหนังศีรษะจากการทำสีผม รวมถึงการใช้แฮร์เซรั่มบำรุงเส้นผมเป็นประจำ เพื่อซ่อมแซมเส้นผมจากภายในให้กลับมาแข็งแรงและดูสุขภาพดี

  • ลดการใช้ความร้อนในการจัดแต่งทรงผม อย่าลืมว่าเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีย่อมอ่อนแอกว่าปกติ ดังนั้นก่อนจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน จะต้องฉีดสเปรย์กันความร้อนก่อนทุกครั้ง และไม่ควรใช้ความร้อนสูง เพราะจะทำให้ผมแห้งเสียมากกว่าเดิม หากเป็นไปได้ก็ควรใช้ลมเย็นเป่าผมจะดีที่สุด

  • พักฟื้นเส้นผม ควรปล่อยให้ผมได้ฟื้นฟูตัวเองบ้าง อย่างน้อยที่สุดคือ 1 เดือน เพื่อให้เวลาผมกลับมาแข็งแรงมากพอ และมีความพร้อมที่จะทำสีหรือทำเคมีได้อีกครั้ง

  • รับประทานอาหารบำรุงเส้นผม พวกถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว นมสด ชีส โยเกิร์ต ปลาแซลมอน ไข่ หอยนางรม และหอยแมลงภู่ นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานวิตามินจำพวกไบโอติน วิตามินบี วิตามินเอ แร่ธาตุสังกะสี หรือแร่ธาตุเหล็ก เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมได้

แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีรายงานการวิจัยที่ระบุได้อย่างชัดเจนว่า การทำสีผมบ่อยครั้งแค่ไหนถึงจะเป็นอันตรายต่อร่างกายจริงๆ แต่มีงานวิจัยในต่างประเทศให้ข้อมูลว่าโดยเฉลี่ยแล้วสามารถทำสีผมได้มากสุดปีละ 9 ครั้ง แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ไม่ควรทำสีผมบ่อยจนเกินไป เพื่อลดการรบกวนหนังศีรษะ และลดการทำลายเส้นผม รวมถึงหากเรามีวิธีการดูแลสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมหลังการทำสีผมที่ดี ก็จะช่วยให้สีติดทนนาน เป็นเงางาม และไม่ต้องกังวลเรื่องผมขาดหลุดร่วงง่ายด้วยค่ะ”

ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลก และเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม 74 สาขา ใน 16 ประเทศ รวมถึงสปาอีก 19 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ของสารสกัดธรรมชาติจาก“น้ำมันรำข้าว” (Rice Bran Oil) และสารสกัดจาก “ชิโซะ” (Shiso)

“น้ำมันรำข้าว” (Rice Bran Oil) สิ่งมหัศจรรย์ใกล้ตัวที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งด้านโภชนเภสัช อาหาร หรืออุตสาหกรรมความงาม อุดมด้วยวิตามินอีในกลุ่มโทโคไตรอีนอล (Tocotreienol) และโทโคฟีรอล (Tocopherol) รวมถึงสารแกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งพบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ (Anti-oxidant)  ได้ดีกว่าวิตามินอีทั่วไปถึง  6  เท่า  รวมถึงปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน

“ชิโซะ” (Shiso) พืชที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น  โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์  (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า),วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อมวิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด

สารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่านกระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก ลึก โดยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในครั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับดูแล สุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมทำสี อาทิ

  • Eden Breeze Colour Treated Hair Shampoo ขนาด 250 ml ราคา 620 บาท แชมพูสูตรที่พัฒนามาสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ด้วยค่า pH 4.5 ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับเส้นผม ทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างอ่อนโยนและไม่ทำลายสีผม อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมคืนความ       เงางามและลดการหลุดร่วงของเส้นผมอาทิ Organic Olive Oil, Organic Jojoba Oil, Organic Corn Silk Extract, Rice Bran Oil, Tilicine Extract และ Chia Seed Oil

  • Eden Breeze Colour Treated Hair Conditioner ขนาด 200 ก ราคา 620 บาท ครีมบำรุงผมที่ช่วยปกป้องและรักษาสีผมไม่ให้ซีดจาง ฟื้นฟูสภาพเส้นผมให้มีน้ำหนัก ป้องกันการหลุดร่วงและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมพร้อมมอบความเงางามและเปร่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติด้วยส่วนผสมที่มอบคุณค่าการบำรุงจาก Organic Inca Inchi Oil, Organic Shea Butter, Rice Bran Oil, Sweet Almond Protein, Coconut oil, Tilicine Extract และ Maca Root Extract

  • Advance Protective Hair Serum ขนาด 100 มล. ราคา 750 บาท เซรั่มสูตรบางเบาสำหรับบำรุงผม ช่วยปกป้องและฟื้นฟูสภาพเส้นผมจากความร้อน และสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ซึมซาบเข้าบำรุงเกล็ดผมทันทีที่ใช้ เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม อุดมด้วยคุณค่าสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด อาทิ Organic Argan Oil, Organic Olive Oil, Shiso Extract และ Maca Root Extract

  • Reviving Scalp Tonic ขนาด 80 มล. ราคา 1,200 บาท ผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศรีษะ ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นและควบคุมความมันของหนังศรีษะ อุดมด้วยส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุง อาทิ Aloe Vera, Larix Wood, Willow Bark พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติจาก Lemongrass และ Kaffir Lime

นอกจากนี้ด้านเหล่าเซเลบริตี้ต่างก็ได้ร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะจากการทำสีผม โดยเริ่มจาก คุณรัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา เล่าว่า “โอบอุ้มชอบการทำสีผมเป็นประจำ เพราะทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยจะเลือกโทนสีที่ช่วยขับสีผิวบริเวณใบหน้าให้ดูสว่างขึ้น อย่างสีบลอนด์เทาหม่นๆ จะชอบมากเป็นพิเศษ แต่ก็มักพบปัญหาหลังการทำสีผมเป็นประจำ ส่วนตัวรู้สึกเลยว่าสภาพหนังศีรษะมีความอ่อนแอลง เส้นผมแห้งและบอบบาง เกิดการแตกหักง่ายได้ง่าย โอบอุ้มก็เลยเลือกดูแลสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วย Advance Protective Hair Serum เซรั่มเนื้อบางเบาสำหรับบำรุงเส้นผมหลังการสระ  ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อน เพื่อให้ผมเงาสลวย ดูมีน้ำหนักและสุขภาพดีขึ้น ส่วนหนังศีรษะก็จะบำรุงด้วย Reviving Scalp Tonic ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นและยังช่วยควบคุมความมันของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดีค่ะ”

ต่อมาที่ คุณพริมา เสนาขันธ์ เผยว่า “พริมเป็นคนที่สนุกกับการทำสีผมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทำมาแล้วทุกโทนสี แต่ที่รู้สึกชอบเป็นพิเศษคือโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ เพราะดูแลง่าย ไม่ต้องเติมสีที่โคนผมบ่อย ส่วนปัญหาที่พบหลังการทำสีผมคือ เส้นผมจะมีความแห้ง ขาดความชุ่มชื้นและหลุดร่วงง่าย โดยพริมก็จะมองหาตัวช่วยในบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ อย่างตัวที่ใช้อยู่คือ Reviving Scalp Tonic สำหรับบำรุงหนังศีรษะให้มีความแข็งแรง เมื่อหนังศีรษะแข็งแรง เส้นผมก็จะไม่หลุดร่วงง่าย นอกจากนี้ก็จะมีแชมพูและครีมนวดผมสูตรสำหรับผมทำสีของ Eden Breeze Colour Treated Hair นอกจากจะช่วยดูแลผมทำสีให้สีติดทนนานแล้ว ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติที่ได้จากดอกมะลิและกุหลาบด้วย ทำให้ทุกครั้งที่สระผมจะเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายมากสำหรับพริมค่ะ”

ปิดท้ายที่ คุณอาทิมา หิมะทองคำ เล่าว่า “การทำสีผมเป็นสิ่งที่ซินดี้ชอบมาก โดยจะทำสีผมทุกๆ 4 – 6 เดือน ส่วนโทนสีที่ชื่นชอบจะเป็นแนวการฟอกสีอ่อนบาลายาจ (Balayage) ที่ไล่เฉดสีสว่างกับเข้มได้อย่างสวยงาม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยปัญหาผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก แตกปลาย และหนังศีรษะเกิดความอ่อนแอ ซินดี้ก็ไม่ค่อยเป็นกังวล เพราะมีตัวช่วยในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วย Eden Breeze Colour Treated Hair Shampoo และ Eden Breeze Colour Treated Hair Conditioner สูตรที่ออกแบบมาสำหรับดูแลสุขภาพผมทำสีโดยเฉพาะ หลังการใช้สังเกตได้เลยว่าเส้นผมกลับมาชุ่มชื้นมีชีวิตชีวา สีผมชัดเจนและติดทนนานมาก จำนวนผมที่ขาดหลุดร่วงน้อยลง นอกจากนี้ซินดี้ก็จะใช้ Reviving Scalp Tonic เพื่อดูแลสุขภาพหนังศีรษะให้กลับมาชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดีด้วยค่ะ”

ดูแลและฟื้นฟูสภาพหนังศีรษะและเส้นผมสำหรับคนรักการทำสีผมด้วยผลิตภัณฑ์ Eden Breeze Shampoo, Eden Breeze Conditioner, Advance Protective Hair Serum และ Reviving Scalp Tonic ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์  www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 5 (Tower 2) โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น G และ 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, สาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, ชั้น G (The Jungle Zone และ The Botanica zone) ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

Don`t copy text!