ททท. ร่วมกับ “บัญชาเมฆ ยิม” จัดงาน “ไหว้ครูมวยไทย ประจำจังหวัดเชียงใหม่” ต่อยอด Soft Power ของไทยสู่สากล

 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ บัญชาเมฆ ยิม เทศบาลนครเชียงใหม่ การกีฬาแห่งประเทศไทย ตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานพันธมิตร ต่อยอดมวยไทย Soft Power หนึ่งใน 5 F (Fight) จัดงาน“ไหว้ครูมวยไทย ประจำจังหวัดเชียงใหม่” ครั้งที่ 2 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสืบสานประเพณีมวยไทย พร้อมเปิดตัวค่ายมวยบัญชาเมฆ ยิม โอลด์ทาวน์ เชียงใหม่ หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวความสนใจพิเศษ  
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ปี 2566 ททท. กำหนดให้เป็น “ปีท่องเที่ยวไทย 2566” หรือ “Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters” เพื่อเดินหน้าส่งมอบคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยวไทย (Meaningful Travel) ผ่าน Soft Power ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ซึ่ง “มวยไทย” ถือเป็นหนึ่งใน 5 F (Fight) ของ Soft Power of Thailand ที่มีชื่อเสียง สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่โดดเด่น แฝงไว้ซึ่งความสวยงาม และทรงพลัง สะท้อนศิลปะความเป็นไทยที่ควรสืบสานให้เป็นมรดกของชาติเพื่อเผยแพร่ไปทั่วโลก อีกทั้ง กำลังได้รับความสนใจในกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ททท. จึงร่วมกับ บัญชาเมฆ ยิม นำโดย ร้อยโท สมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว บัญชาเมฆ จัด “งานไหว้ครูมวยไทย ประจำจังหวัดเชียงใหม่” ครั้งที่ 2 ณ ลานบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2566 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เพื่อสร้างการรับรู้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จัดงานจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นการสืบสานอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้ “มวยไทย” ในการสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับท้องถิ่น ประเทศ และขยายสู่สากล ให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ได้แก่ การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบล้านนา การรำบวงสรวง ครูมวยไทย การแสดงโชว์ตีกลองสะบัดชัย พิธีไหว้ครูมวยไทย การแสดงแม่ไม้มวยไทย 15 ท่า การแสดงการต่อสู้โดยการใช้ดาบ 2 มือ และพิธีการครอบครูมวยไทย ปิดท้ายด้วยการมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ครูมวย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวค่ายมวยใหม่ “บัญชาเมฆ ยิม โอลด์ทาวน์ เชียงใหม่” พร้อมการแข่งขันชกมวย ภายใต้กฎกติกามวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง จำนวน 7 คู่ ซึ่งการเปิดค่ายมวยนี้ เป็นการแสดงถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ในการรองรับนักท่องเที่ยว มีความพร้อมด้านสถานที่ฝึกซ้อม มีค่ายมวยระดับสากลและมีบุคลากรผู้ฝึกสอนที่มีทักษะเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีนักชกที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ในพื้นที่ อันจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระแสกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มสนใจพิเศษ นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับท้องถิ่น ประเทศ และขยายสู่ระดับสากลต่อไป


 

Don`t copy text!